การเพิ่มของ Thecnology ในธุรกิจ

3 มกราคม 2561

สวัสดีปีใหม่ทุกๆคน

          วันนี้เป็นวันที่กลับมาทำงานวันแรกในปี 2561 แต่มีความรู้สึกอยากเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2560 แล้วแต่ติดตรงที่ไม่มีเวลาว่างมานั่งเขียน เรื่องมีอยู่ว่าผมไปโฮมโปรบ่อยมากช่วงเดือน พฤศจิกายน เพราะต้องไปซื้อกระเบื้องเอามาปรับปรุงบ้าน ซึ่งกระเบื้องมีหลายแบบมาก แต่โฮมโปรเค้าก็มีเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ซื้อ หากไม่รู้ว่ากระเบื้องที่เราจะซื้อไปนั้นจะเอาไปติดยังไงให้สวยงาม ก็ให้ลองสแกน QR Code (มุมซ้ายล่าง)tile2

เพื่อดูว่าจะปูกระเบื้องแบบใหนให้สวยงามเพราะมันจะมีตัวอย่างให้เราดูเมื่อเราทำการสแกน QR Code

tile1

จากนั้นมีโอกาศไปเดินห้างซึ่งผมจะชอบไปโซนเล่นเกมส์และของเล่นเป็นประจำซึ่งเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีเกมส์ก็พัฒนาขึ้นมาก มีใช้บัตร RFID Card แทนเหรียญสิบ เซนเซอร์ตรวจจับวัตถุที่ติดอยู่ที่รถไฟหมุน เมื่อมีคนเดินตัดหน้ารถไฟมันก็จะหยุดอัตโนมัติ ตลอดจนบ้านของเล่นที่เก็บค่าชั่วโมงครั้งละสองร้อย ที่ใช้โปรเจ็คเตอร์ฉายเป็นเกมส์ให้จับสัตว์น้ำ เราก็เพียงหยิบตระกร้าไปตรงที่เป็นตัวสัตว์น้ำที่ว่ายไปว่ายมา โปรเจคเตอร์ก็จะตรวจจับและวิเคราะห์ว่ามันคือตระกร้าแล้วสัตว์น้ำตัวนั้นก็จะหายไปแล้วเราก็จะได้คะแนน ตลอดจนเทคโนโลยี VR ก็มีการนำมาใช้แล้ว มีออกมาเป็นเกมส์ Arcade มาให้เล่นแล้ว (อันนี้ที่หาดใหญ่)

ส่วนตอนนี้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) ก็มีใช้ในสื่อพิมพ์หลากแล้วแล้วแม้กระทั้งนามบัตร ของธุรกิจบางเจ้าก็ยังเพิ่ม AR เข้าไปด้วยถือว่าเป็นการแนะนำตัวพร้อมเทคโนโลยีที่ค่อนข้างหรูเลยทีเดียวนะครับ

เห็นใหมครับเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีต่างๆเริ่มมีมากขึ้นในฐานะที่เราเป็นคนคอมพิวเตอร์ก็ต้องรู้จักปรับตัวให้รู้เท่าทันเทคโนโลยีกันนะครับจะได้ไม่ต้องตกยุค

โพสท์ใน Home Catagory | ใส่ความเห็น

การส่งค่าและรับค่าผ่าน Radio Button PHP

ฝั่งกรอกข้อมูล

radio1

 

ฝั่งรับข้อมูลเมื่อเรา insert ข้อมูลลงไปในฐานข้อมูลแล้วเราจะดึงข้อมูลขึ้นมาโดยใช้ method โดยสมมุติว่า query และ fetch_array ข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว กำหนดค่าให้ตัวแปร $result[“gender”] โดยในตัวแปรดังกล่าวมีค่าตามที่ฟอร์มด้านบนส่งข้อมูลมา เราก็จะมากรองข้อมูลก่อนจะแสดงไปบน radio button โดยให้เลือกแสดงค่าตามข้อมูลที่ดึงมาได้โดยใช้ if เช็คดังนี้

radio2

 

radio

เผื่อใครลองเอาไปใช้ดูนะ ^_^

โพสท์ใน PHP 7.0.8 | ใส่ความเห็น

วิธีดู วิดีโอในเฟซบุ๊คผ่าน Smart Tv

เนื่องด้วยประมาณอาทิตย์ก่อนเจอการตูนที่ชอบดูซึ่งมีเพจอัพโหลดให้ดูบน Facebook แต่พอใช้มือถือกดเข้าไปดูแล้วมันไม่สามารถ กระจายสัญญาณ ( Casting ) เพราะบางวิดีโออัพไปยังทีวีได้เพราะดูกับมือถือมันไม่ค่อยสนุกจอมันเล็กมากแล้วภาพก็ไม่สวยเท่าทีวี ดูลำบากว่างั้นเถอะ จึงลองหาวิธีที่จะทำให้สามารถดูวิดีโอในเฟซบุ๊คผ่านทีวีให้ได้ แล้วก็พบวิธีมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1.เราจะใช้ Application ของ Facebook ในการดูวิดีโอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะติดตั้งมาให้ใน Smart TV อยู่แล้วถ้าไม่ติดตั้งมาเราก็ไปโหลดจาก Google Playstore ( Android TV นะ)

facebookvideo1

พอกดปุ่ม Home ของ TV เพื่อจะออนไลน์จะเจอ App หน้าตาดังในรูป

facebookvideo2

จากนั้นเราก็ไปเซฟวิดีโอที่เราจะดูดังนี้

savevideo1

ไปที่วิดีโอที่เราจะดู แล้วไปกดตามรูปสี่เหลี่ยมที่จุดสามจุดก่อน แล้วเลือกบันทึกโพส เซฟไปเยอะๆจะดูอะไรบ้าง

2.เปิด App Facebook Video ที่เราโหลดมาแล้วเข้าไปที่เมนู วิดีโอของคุณ ก็จะสามารถรับชมวิดีโอของคุณที่บันทึกไว้บน Facebook ได้แล้ว

facebookvideo3

***แต่มีข้อสังเกตุอยู่นิดหน่อยคือ บางวิดีโอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เพราะมันสามารถ กระจายสัญญาณผ่านโทรศัพท์ได้เลยหากมีสัญลักษณ์ดังนี้ เมื่อเรากดแล้ว

S__39731213

หากภายในเครื่องเรามี Application ที่สามารถทำหน้าที่ Casting ได้ก็ไม่จำเป็นต้องทำวิธีผม แต่ถ้าหากไม่มีก็ลองทำตามวิธีผมดูก็ได้ จากรูปข้างล่างในโทรศัพท์มี Application ชื่อ Chromecast ทำหน้าที่ช่วยกระจายสัญญาณขึ้น Smart TV ผ่าน Google Chrome

S__39731211

หวังว่าจะสนุกกับการรับชมนะครับ ^_^

โพสท์ใน Home Catagory | ติดป้ายกำกับ | ใส่ความเห็น

วิธีการติดตั้ง Code::Blocks พร้อมกับ Compiler สำหรับฝึกเขียนภาษา C เบื้องต้น

พอดีสองอาทิตย์ก่อนได้มีโอกาศทดลองติดตั้ง Editor ที่ใช้ในการเขียนภาษา C ส่วนตัวผมติดตั้ง Sublime อยู่แล้ว แต่อยากลองเปลี่ยนไปใช้ Editor ตัวอื่นมั่ง พอดีเพื่อนแนะนำว่าลองติดตั้ง Codeblock ดูเพราะได้ยินมาว่าก็สามารถใช้งานได้เหมือนกันจึงลองลงมือติดตั้งดูซึ่งไม่ยากมีขั้นตอนดังนี้

  1. ให้ไปดาวน์โหลดตัวติดตั้งมาจาก http://www.codeblocks.org/downloads/26    โดยให้เลือกดาวน์โหลดตัว codeblocks-16.01mingw-setup.exe  เนื่องจากมันจะรวมตัว compiler  mingw มาให้ด้วยเลยไม่ต้องไปติดตั้งตัว mingw ภายหลัง หรือถ้าใครชำนาญจะไปติดตั้งภายหลังก็ได้
    codeblock1

ตอนติดตั้งก็เลือกทั้งหมด แล้วก็กด next
codeblock2พอถึงตอนที่มันเลือก Path ที่เราจะติดตั้งส่วนใหญ่จะเป็น C:\Program Files (x86)\CodeBlocks เพราะโปรแกรมเป็นแบบ 32bits ซึ่งสามารถรันบนระบบปฏิบัติการแบบ 64bits ได้ไม่มีปัญหา
2. จากนั้นเมื่อติดตั้งเสร็จให้เปิดโปรแกรม codeblock แล้วไปที่ settings
codeblock3

และกดที่ … เพื่อเลือกหา compiler ที่อยู่ใน path ที่เราติดตั้งโปรแกรมเมื่อกี้ C:\Program Files (x86)\CodeBlocks\MinGW\bin โดย bin ย่อมาจาก binary ส่วนใหญ่จะใช้เก็บไฟล์ที่มีนามสกุล .exe ที่ใช้ในการสั่งให้ทำงาน (execute) นั่นเอง

codeblock4

3. ทดลองเขียนไฟล์ hello world ดูง่ายๆเพื่อทดลองว่าโปรแกรมใช้ได้ใหม กดตามรูปสี่เหลี่ยมซ้ายไปขวา
codeblock5

จากนั้นก็ตั้งชื่อไฟล์และทดลองเขียนอะไรก็ได้เพื่อทดสอบ
codeblock6

จากรูปก็จะเห็นว่าทดสอบผ่านแล้ว ถือว่าเสร็จสิ้นภาระกิจ หากใครอยากเขียนโปรแกรมเก่งๆก็ให้ลองติดตั้งและฝึกเขียนโปรแกรมที่บ้านดูเพื่อจะได้มีความรู้ความเข้าใจในการเขียนโปรแกมมากยิ่งขึ้น

โพสท์ใน C Programmming | ติดป้ายกำกับ , , , | ใส่ความเห็น

การเขียน mysqli_query() ดัก SQL Error

สวัสดีครับกลับมาพบกับสาระการเขียนโค๊ดเพื่อดักจับ MySQL Statement เวลามัน Error ตอนเราเรียกใช้คำสั่ง mysqli_query() เพื่อทำการสั่งให้ php รันคำสั่ง mysql บนเว็บไซต์ ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ต้อง เรียกใช้คำสั่ง เพิ่ม ลบ หรือแก้ไขซะเป็นส่วนใหญ่ โดยวันนี้จะมาเล่าปัญหาเพราะว่าไปเจอมาเอง ซึ่งเหตุการเกิดขึ้นดังนี้ เว็บที่เราพัฒนาใช้ PHP version: 7.0.18  แต่โฮสที่เราเอาไปฝากไว้เป็น PHP version: 5.6.31 ซึ่งเก่ากว่ากัน อีกทั้ง database ก็คนละเวอร์ชั่นกัน  5.0.12-dev – 20150407 กับโฮสจริง 5.0.11-dev – 20120503 ซึ่งตอนแรก Statement ในการเช็คการเรียกใช้คำสั่ง mysqli_query เป็นแบบนี้

$query = mysqli_query($conn,$sql);
$query = mysqli_query($conn,$sql);
if($query) {  //เขียนดักแค่ว่า query มีข้อมูลหรือเปล่า?
echo” alert(‘เพิ่มข้อมูลเรียบร้อยแแล้วค่ะ’); “;
echo”<meta http-equiv=’refresh’ content=’5;url=list_article.php’>”;
}
else {
mysql_error();
}

ซึ่งระบบบน localhost มันก็ทำงานได้ปกติ (PHP version: 7.0.18, Mysql version: 5.0.12) แต่พอไปรันบนโฮสจริง (PHP version: 5.6.31, Mysql version: 5.0.11) มันดันทำงานไม่ได้เพราะมันติดปัญหาตอนแรกก็ไม่ทราบว่าเป็นปัญหาอะไรแต่พอลองใส่โค็ดดักจับ error เข้าไปมันฟ้องว่าเราไม่ได้กำหนดค่า default ใน column ที่เราไม่ได้ insert  ค่าไปใน mysql เท่านั้นแหละเราก็แก้โค๊ดให้ใส่ค่าเข้าไปดังนี้

if (!mysqli_query($conn,$sql))   {
echo(“Error description: ” . mysqli_error($conn)); //เขียนดักว่ามี error ที่เกิดจาก mysql statement หรือเปล่า
echo”<meta http-equiv=’refresh’ content=’1;url=list_article.php’>”;
}else {
echo” alert(‘เพิ่มข้อมูลเรียบร้อยแแล้วค่ะ’); “;
echo”<meta http-equiv=’refresh’ content=’1;url=list_article.php’>”;
}

ซึ่งต่างจาก  (PHP version: 7.0.18, Mysql version: 5.0.12)  ซึ่งมันไม่ error โดยเราเองก็งงในตอนแรก จนถึงตอนนี้หายงงแล้วเพราะโค๊ดทำงานได้ปกติ ^_^

 

โพสท์ใน PHP 7.0.8 | ใส่ความเห็น

วิธีสร้าง Foreign Key บน MySQL

การสร้าง Foreign Key บน MySQL ด้วย phpmyadmin (How to create foreign key on MySQL with phpmyadmin)โดย Foreign Key ก็คือคีย์ร่วมที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างตารางนั่นเองหากคีย์นอกมีการเปลี่ยนแปลงก็จะส่งผลต่อการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างตารางตามเงื่อนไขที่เราได้กำหนดไว้ โดยข้อจำกัด ของความสัมพันธ์ระหว่างตารางที่เราสร้างเรามักจะเรียกว่า Constraint โดยการกำหนดรูปแบบของความสัมพันธ์ของ Constraint จะมีอยู่สองกรณี คือ on delete และ on update และแต่ละกรณีสามารถกำหนดข้อจำกัดของความสัมพันธ์ได้โดยมี keyword ซึ่งคำเหล่านี้จะนำไปเติมไว้ด้านหลังเงือนไข โดยมีความฟมายดังต่อไปนี้

1. Cascade คือเมื่อกำหนด keyword cascade เข้าไปด้านหลัง เช่น on delete cascade จะหมายความว่าให้ทำการลบโดยไม่ต้องสนใจความสัมพันธ์ระหว่างตาราง
2. Set null คือกำหนดให้เป็นค่าว่างใน field นั้นๆที่มีข้อจำกัดความสัมพันธ์เช่น on delete set null โดยเมื่อทำการลบข้อมูลใน field ที่อ้างอิงระหว่างตารางแล้วให้ระบบตั้งค่า field นั้นให้เป็นค่าว่าง
3. No Action คือกำหนดให้ไม่ต้องทำอะไร เมื่อมีการ update หรือ delete ข้อมูลใน field ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างตาราง ข้อมูลที่อยู่ใน field ที่เชื่อมโยงก็จะอยู่เหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
4. Restrict คือห้ามมีมิให้มีการเปลี่ยนแปลงใน field ที่ถูกกำหนดความสัมพันธ์ทั้งแบบ on delete หรือ on update เรียกว่า lock ไว้ไม่ให้ผู้ใช้สามารถลบหรือปรับปรุงค่าต่างๆได้เลย

บทความนี้จะยกตัวอย่างในการสร้างและแก้ไข Foreign Key ด้วย phpmyadmin และแบบ mysql syntax โดยอันดับแรกจะขอยกตัวอย่างตั้งแต่การออกแบบ ER-Diagram แบบ Chen Model โดยยกตัวอย่าง 3 Entity ได้แก่ Professor, Class, Course ) er-d_chen

จากนั้นจะทดลองสร้าง ตารางตาม ER-D ข้างบน จำนวน 3 ตาราง

3tables.jpg

และกำหนด Primary Key ของแต่ละตารางตามโดยกำหนดให้ Primary Key คือตัวที่ขีดเส้นใต้ ตามหลักของการเขียน ER-D แบบ Chen ที่เราออกแบบไว้พร้อมกำหนด Primary Key ให้เรียบร้อย

จากนั้นให้เข้าไปที่ตารางที่มี Foreign Key จากรูปคือตาราง class และไปที่ Structure และไปที่ Relation view   (Go to >class Table>structure>relation view ) ดังรูป

class_structure

เมื่อกำหนดแล้วจะได้หน้าตาแบบนี้ เราก็กรอกข้อมูลรายละเอียดของ Foreign Key ให้ครบถ้วน

foreignkey_gui.jpg

โดยผมจะลองยกตัวอย่างการสร้าง Foreign Key โดยกำหนดความสัมพันธ์แบบ no action เมื่อมีการ ลบหรือ เปลี่ยนแปลง ข้อมูลใน field prof_id ที่มีความสัมพันธ์กันระหว่างตาราง class กับ professor มันจะไม่เกิดอะไรขึ้น โดยจะลองทำให้ดูทีละแบบ และกำหนดความสัมพันธ์แบบ cascade เมื่อมีการลบ หรือเปลี่ยนแปลง ความสัมพันธ์ระหว่าง field crs_id ระหว่างตาราง class กับ course ซึ่งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใน field   ***หมายเหตุ***โดยในการตั้งค่า foreign key ควรทำตอนสร้างตารางไม่ควรทำตอนมีข้อมูลอยู่ในตาราง

nocation_cascades

MySQL Syntax ในการสร้าง Foreign Key (กรณีสร้างตารางไปแล้ว เราต้องใช้คำสั่งปรับปรุงแก้ไขตาราง นั้นก็คือคำสั่ง Alter Table จากตัวอย่างเป็นการสร้าง Constraint สองครังไม่ได้สร้างพร้อมกัน แต่ Constraint สามารถสร้างพร้อมกันได้ )

ALTER TABLE `class` ADD CONSTRAINT `abc` FOREIGN KEY (`prof_id`) REFERENCES `professor`(`prof_id`) ON DELETE NO ACTION ON UPDATE NO ACTION;
———————————————————————————————–
ALTER TABLE `class` ADD CONSTRAINT `casecades` FOREIGN KEY (`crs_id`) REFERENCES `course`(`crs_id`) ON DELETE CASCADE ON UPDATE CASCADE;

เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะได้ดังรูป

foreignkeycomplete

จากนั้นเรามาทดลองเพิ่มข้อมูลลงไปใน ตาราง course, professor, class

insertprofesssor

insertcourse

เมื่อเรา insert ข้อมูลที่ ตาราง course และ professor เสร็จแล้ว เรามา insert ข้อมูลต่อที่ตาราง class ระบบก็จะทำการ query ข้อมูลให้เราในหน้า insert เลย โดยเราสามารถเลือกเพิ่มข้อมูลได้จาก drop down ตามรูป สี่เหลี่ยมสีแดง และสีนำเงิน (นี่คือประโยชน์ของฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์)

insertclass

จากนั้นเราจะมาทดลองทำการลบข้อมูลดูโดยเข้าไปที่ตาราง course และเริ่มทำการลบข้อมูล รายวิชาไปหนึ่ง record โดยระบบจะสามารถลบข้อมูลใน record นั้นได้ (เพราะเราใช้เงื่อนไข on delete cascade) และการลบข้อมูลในตาราง course จะส่งกระทบไปยัง record ในตาราง class ด้วย เพราะถูกเชื่อมโยงกันด้วย foreign key ดังรูป

ondeletecascade

ในตาราง class จะไม่ปรากฏ record ของข้อมูลที่มีการเชื่อมโยงเลย ดังรูป

norecord

และหากทดลองลบข้อมูลในตาราง professor จะไม่สามารถลบข้อมูลได้เนื่องจาก foreign key ของ field prof_id ของตาราง professor เชื่อมโยงกับ field prof_id ของตาราง class อยู่ โดยมีความสัมพันธ์เป็น no action จึงทำให้ไม่สามารถลบข้อมูลได้ดังรูป

ondelete_onaction

สรุปจากบทความนี้หวังว่าผู้อ่านคงจะได้ความรู้และวิธีการสร้าง foreign key และการตั้งค่าความสัมพันธ์ของ foreign key บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ หากสงสัยสามารถโพสสอบถามได้นะครับ

 

 

โพสท์ใน mysql and phpmyadmin | ติดป้ายกำกับ , , | ใส่ความเห็น

วิธีแก้ PHP7 แสดงภาษาต่างดาว

สวัสดีครับเพื่อนๆ

ผมไม่ได้เข้ามาเขียน wordpress ของผมเลยตั้งแต่ผมเปลี่ยนงานใหม่ ชึ่งตอนนี้เริ่มจะปรับตัวได้แล้วก็น่าจะได้กลับมาขยันเขียนซักพัก พอดีช่วงนี้ต้องเขียนเว็บไซต์ด้วย PHP 7.0.8 ตัวใหม่ล่าสุดนั่นแหละ แล้วภาษาที่มันใช้ mysqli_query(); ขึ้นมาแสดงบนหน้าเพจนั้นเป็นภาษาต่างดาว แม้เราจะเลือก collision ใน mysql เป็น utf-8 นั่นเองพอไปไล้ search หาใน google ส่วนใหญ่จะเจอวิธีแก้ปัญหาแบบเก่า ที่ใช้ใน PHP เวอร์ชั่น เก่าๆประมาณ

mysqli_query(“SET character_set_client=’utf8′”);
mysqli_query(“SET character_set_connection=’utf8′”);
mysqli_query(“collation_connection = utf8_unicode_ci”);
mysqli_query(“collation_database = utf8_unicode_ci”);
mysqli_query(“collation_server = utf8_unicode_ci”);

ซึ่งลองแล้ว error 

จากนั้นลองค้นหาอีกเจอวิธีแก้ปัญหาจากเว็บไซต์ของ mysql เลย http://php.net/manual/en/mysqli.set-charset.php  เลยเอามาปรับแก้ลงไปล่างบรรทัดที่เราสามารถเชื่อมต่อฐานข้อมูลสำเร็จ

$objCon = mysqli_connect($serverName,$userName,$userPassword,$dbName);

/* change character set to utf8 */
if (!$objCon->set_charset(“utf8”)) {
    printf(“Error loading character set utf8: %s\n”, $objCon->error);
    exit();
} else {
    printf(“Current character set: %s\n”, $objCon->character_set_name());
}

ซึ่งเมื่อวางปุ๊บภาษาไทยมาปั๊บไม่ต้องเสียเวลาไปแก้ตรงอื่นเลย อันนี้แนะนำให้ใช้เลยนะครับ

 

โพสท์ใน PHP 7.0.8 | ติดป้ายกำกับ , , | ใส่ความเห็น

แนะนำภาษา Processing

สวัสดีอีกครั้งครับ
เนื่องจากไม่ได้แวะมาเขียน blog นี้นานมากแล้ว เนื่องจากติดภาระกิจเรียน ทำงาน และเล่นเกมส์ ทำให้ไม่มีเวลาว่างพอที่จะมาเขียนแบ่งปันประสบการณ์การใช้ความรู้ความสามารถทางคอมพิวเตอร์เท่าไรวันนี้ถือเป็นโอกาศดีเลยครับ พร้อมแล้วเริ่ม..

ย้อนไปเมื่อประมาณเดือน กุมภาพันธ์ 2558 นั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมประสบปัญหาการเขียนเกมส์ที่ต้องเชื่อมต่อ กับเซนเซอร์ผ่านแผงวงจร Arduino โดยเกมส์ที่ผมเขียนนั้นผมใช้โปรแกรม Stencyl โดยเกมส์สามารถดึงค่าจากเซนเซอร์ไปแสดงในเกมส์ได้ แต่ไม่สามารถรีเฟรชค่าที่เซนเซอร์ส่งมาแบบเรียลไทม์ได้จึงทำให้ต้องเปลี่ยนเครื่องมือในการพัฒนา จุดนั้นเองเป็นจุดที่ทำให้เปลี่ยนมาใช้ภาษา Processing ในการเขียนโปรแกรมโดยบังเอิญ โดยภาษา Processing นั้นมีความนิยมใช้ในการสอนเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบ OOP เบื้องต้น และเขียนโปรแกรมเกี่ยวกับศิลปะทางคอมพิวเตอร์ หรือเขียนโปแกรมเพื่อรับค่าจาก Arduino มาแสดงผลหรือใช้งานต่อไป และนั่นจึงเป็นจุดที่ทำให้ภาษา Processing น่าใช้งานเพราะมันครอบคลุมวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งาน โดย core Processing คือ PApplet ซึ่งอยู่ใน java.lang.Object ในภาษา java [1]
java.lang.Object
processing.core.PApplet

Introduction proceesing language
ซึ่งถ้าเราจะใช้เราต้องติดตั้ง J2SE Development Kit (JDK) [2] ปัจจุบันเวอร์ชั่น 1.8.0_51 ลงในเครื่องก่อนครับจากนั้นค่อยไปดาวน์โหลดโปรแกม Processing Development Environment (PDE) [3] มาใช้งานครับ โดยจากนี้ไปผมจะทยอยอัพเดทวิธีการเขียนภาษา Processing ไปเรื่อยๆนะครับ

ref
1. http://processing.org/reference/javadoc/core/processing/core/PApplet.html
2. http://www.oracle.com/technetwork/java/javase/downloads/jdk8-downloads-2133151.html
3. https://processing.org/download/

โพสท์ใน Processing Programming | ติดป้ายกำกับ , | ใส่ความเห็น

How set environment variable JAVA in Windows 8.1 64bit for apache tomcat

1.Download apache tomcat  http://tomcat.apache.org/download-80.cgi  (Version 8.0.18, Jan 23 2015)

2.Install JDK+JRE (Include in JDK)     http://www.oracle.com/technetwork/java/javase/downloads/jdk8-downloads-2133151.html

3.Set environment variable

3.1 Set path in environment variable > User variables

path1

3.2 put jdk when i was installed destination directory

me:

path2

path3

path4

โพสท์ใน Home Catagory | ใส่ความเห็น

How to wirte backup script Ubuntu

สวัสดีครับ วันนี้ได้โอกาสตรวจสอบ Script Auto backup ที่เคยเขียนไว้นานมากแล้วครับ เลยขอยกตัวอย่างให้ดู โดยผมจะสาธิตการ Backup โดยใช้คำสั่ง tar แทรกไว้ใน script นะครับ ซึ่งเป็น script ที่ง่ายๆครับ แบบเทพๆที่คนอื่นเขียนจะยาวและยากกว่านี้เยอะ แต่เอาแบบง่ายๆก็สามารถทำงานได้แล้วครับ มาเริ่มกันเลย

คำสั่ง tar จะมีคำสั่งดังนี้

c = สร้าง
v = โหมด Verbose คือให้เห็นรายละเอียดของการทำงานของ tar ออกทางหน้าจอ terminal
p = รักษาไฟล์และไดเรกทอรีสิทธิ์
z= นี้จะบอกให้ tar บีบอัดไฟล์เพื่อลดขนาดของไฟล์
f = ชื่อไฟล์

รูปแบบการใช้คำสั่ง tar [1]

# tar -cvpzf   /BackupDirectory/backupfilename.tar.gz   /ImportantData/directory/path

อธิบายได้ดังนี้  เอาข้อมูลจาก /BackupDirectory ไปสร้างเป็นไฟล์ tar โดยใช้ option  -cvpzf และเอาไปเก็บไว้ที่  /ImportantData/directory/path

ส่วนการสร้าง script เพื่อ backup นั้นก็ไม่ยากครับ

อันดับแรก สร้าง script ก่อน ด้วยคำสั่ง

vim monthly_backup.sh

จากนั้นก็ก็อฟข้อมูลข้างล่างไปวาง

#!/bin/bash
#Purpose = Backup of Important Data
#Created on 17-1-2012
#Author = Hafiz Haider
#Version 1.0
#START

TIME=`date +%b-%d-%y`            # วันที่ครับ โดยจะเป็นปัจจุบันนะ
FILENAME=backup-$TIME.tar.gz    # ชื่อไฟล์ที่เราจะเซฟครับ โดยมันจะมีคำว่า backup-แล้วตามด้วยเวลาปัจจุบัน หากเราอยากเปลี่ยนที่ก็สามารถเปลี่ยนจาก backup เป็นอย่างอื่นได้ครับ
SRCDIR=/imp-data                    #  Directory ต้นทางที่เราจะทำการ backup ครับ ในกรณีนี้หากใน /imp-data มีไฟล์อื่นอยู่ด้วยมันจะเก็บมาทุกไฟล์เลยครับ
DESDIR=/mybackupfolder            # Destination ปลายทางที่เราจะเอาไว้เก็บไฟล์ที่เรา backup ครับ
tar -cpzf $DESDIR/$FILENAME $SRCDIR    #เรียกใช้คำสั่ง tar เพื่อบีบอัดข้อมูลครับ และก็เรียกให้มันอ้างอิงค่า source และ destination path ผ่าน ตัวแปรที่เรากำหนดให้ด้านบนครับ

#END

Ref:http://www.broexperts.com/2012/06/how-to-backup-files-and-directories-in-linux-using-tar-cron-jobs/

โพสท์ใน Home Catagory | ใส่ความเห็น